ขั้นตอนการทำวีซ่า (Visa Process) ต้องทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

วิธีการขอวีซ่า

การยื่นขอวีซ่าผ่านสถานทูตหรือศูนย์รับคำร้อง

การยื่นขอวีซ่า ณ สถานทูตหรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่านั้นเป็นวิธีพื้นฐานที่คุณจะพบในการยื่นคำร้องขอวีซ่า โดยคุณจะต้องจัดเตรียมเอกสารให้พร้อม และเดินทางไปยังสถานที่ที่ทางสถานทูตกำหนดไว้ด้วยตนเอง (หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นได้ในบางประเทศ) ปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศมักจะนิยมให้ตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งหรือที่เรียกว่าศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า เป็นผู้ดำเนินการรับส่งเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยที่คุณไม่ต้องไปสถานทูตเลย อาทิเช่นประเทศในแถบยุโรป แต่บางประเทศก็ต้องดำเนินการผ่านสถานทูตเท่านั้น อาทิเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

การยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์

ปัจจุบันบางประเทศเริ่มให้ผู้เดินทางสามารถขอวีซ่าได้ผ่านระบบออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐในประเทศนั้น ๆ แทนการส่งเอกสารที่ค่อนข้างมีความจำกัดทางด้านสถานที่ที่อาจมีให้บริการไม่ทั่วถึง ซึ่งมีทั้งการยื่นผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมดแล้วรอฟังผลผ่านอีเมลแล้วส่งหนังสือเดินทางเพื่อรับตราประทับผ่านไปรษณีย์ได้เลย กับการยื่นผ่านระบบออนไลน์ก่อนแล้วต้องเดินทางไปยังสถานทูตหรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอีกครั้งเพื่อสัมภาษณ์หรือเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

การยื่นขอวีซ่าผ่านสนามบินปลายทาง

ในบางประเทศนั้นมีข้อกำหนดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย นั่นคือการขอวีซ่า ณ สนามบินปลายทาง หรือ Visa on Arrival ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการยื่นคำร้องขอวีซ่าใด ๆ ในประเทศไทยก่อน จากนั้นเมื่อถึงสนามบินปลายทางคุณก็สามารถยื่นเอกสารขอรับตราประทับวีซ่าในสนามบินได้เลย ทั้งนี้ Visa on Arrival ก็ยังมีความแตกต่างจากฟรีวีซ่า เนื่องจาก Visa on Arrival ยังคงมีการกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าอย่างเต็มรูปแบบ และยังมีการคิดค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าด้วย ส่วนประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่านั้นเพียงยื่นหนังสือเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็เสร็จแล้ว


เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่า

แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า

เอกสารสำคัญที่คุณจำเป็นต้องกรอกไม่ว่าจะผ่านทางเอกสารหรือระบบออนไลน์ โดยแบบฟอร์มของแต่ละประเทศนั้นต้องการรายละเอียดมากน้อยไม่เท่ากัน แต่โดยส่วนใหญ่ก็คือข้อมูลส่วนตัว จุดประสงค์และช่วงเวลาเดินทาง ข้อมูลด้านการทำงาน และครอบครัวของคุณ

หนังสือเดินทาง

ทุกประเทศที่ต้องขอวีซ่ามีข้อกำหนดให้ใช้หนังสือเดินทางฉบับล่าสุด มีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างสำหรับรับตราปรับทับวีซ่าอย่างน้อย 1 หน้า นอกจากนี้บางประเทศอาจขอตรวจสอบหนังสือเดินทางฉบับเก่าและประวัติการเดินทางในรูปแบบตราประทับต่าง ๆ ที่คุณเคยได้รับมาทั้งหมดด้วย

รูปถ่ายหน้าตรง

หลักฐานสำคัญที่แต่ละประเทศจำเป็นต้องใช้ แต่มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปในด้านขนาดและตำแหน่งใบหน้าบนรูป แต่ทุกประเทศต้องการรูปถ่ายล่าสุดที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน

หลักฐานทางการเงิน

มีความจำเป็นในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นฝั่งยุโรป อเมริกา หรือออสเตรเลีย ซึ่งคุณต้องแสดงหลักฐานแหล่งที่มารายได้ หนังสือรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน รวมทั้งรายการเดินบัญชี ที่แสดงให้เห็นว่าคุณมีศักยภาพเพียงพอต่อการใช้จ่ายในขณะที่พำนักอยู่ในประเทศของเขา หรือมีผู้สนับสนุนก็ต้องแสดงหลักฐานของผู้สนับสนุนแทน แต่หลักฐานทางการเงินบางประเทศก็ไม่จำเป็นต้องใช้


เอกสารการเดินทางอื่น ๆ

อาทิเช่นตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก แผนการเที่ยว และหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าคุณมีจุดประสงค์ตรงตามที่จอวีซ่า และจะพำนักอยู่ในประเทศของเขาเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น


ข้อแนะนำในการขอวีซ่า

1. เตรียมเอกสารให้พร้อมที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขอวีซ่าให้ผ่านคือ การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพราะหากมีเอกสารไม่ครบตั้งแต่แรก ก็อาจจะโดนปฏิเสธการขอวีซ่าตั้งแต่ก่อนจะตรวจสอบประวัติด้วยซ้ำ จึงควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อไม่ให้เสียเวลา เสียโอกาส และเสียเงินค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าใหม่

2. มีหลักฐานที่ยืนยันความน่าเชื่อถือ ในการขอวีซ่า ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตจะดูองค์ประกอบรวมๆ เช่น หน้าที่การงาน รายได้ ความมั่นคงของงาน จดหมายรับรอง หรือบุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ การมีหลักฐานยืนยันที่น่าเชื่อถือ จะทำให้มีโอกาสในการขอวีซ่าผ่านได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือห้ามพูดเท็จหรือทำหลักฐานปลอมเด็ดขาด เพราะหากทางสถานทูตตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลเป็นเท็จ อาจติดแบล็กลิสต์ไม่ได้เข้าประเทศนั้นอีกเลย

3. กรอกข้อมูลให้ละเอียดมากที่สุด สำหรับการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม เราควรกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุด อะไรที่เขียนไปได้ก็เขียนไปให้ดูเยอะไว้ก่อน เช่น ในเรื่องการทำงาน ให้กรอกทั้งที่ก่อนหน้า กรอกทั้งที่ปัจจุบัน และอายุงานที่ทำ เค้าจะได้ไม่มองว่าเราจะไปเป็นโรบินฮู้ดไปอาศัยอยู่ในประเทศเค้า หากทำงานมาไม่นานมาก มีอายุงานน้อยก้อาจจะเขียนจดหมายแนะนำตัวเพิ่มเติม หรือขอให้ผู้อื่นเขียนรับรองให้

4. มีหลักฐานแสดงสถานะทางการเงินที่ชัดเจน ควรมีเงินในบัญชีอย่างน้อยให้พอกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทาง เช่น ไปอเมริกา 7 วัน ควรมีเงินขั้นต่ำในบัญชี 50,000 บาท เป็นต้น จริง ๆ ยิ่งมีเงินติดในบัญชีเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเค้าจะดูว่าเรามีเงินพอสำหรับใช้จ่ายหรือไม่

5. มีความมั่นใจในเวลาที่สัมภาษณ์ เวลาสัมภาษณ์เราต้องมีความมั่นใจ ตอบคำถามได้อย่างฉะฉาน ไม่ลน และต้องตอบให้ตรงกับข้อมูล และรายละเอียดที่กรอกลงไป เพราะส่วนใหญ่แล้วก่อนสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ก็จะอ่านข้อมูลของเรามาก่อน แล้วมาถามเพื่อเช็คความถูกต้องอีกที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *