อยากไปยุโรปต้องอ่าน อัปเดตวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) 2023

วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) คืออะไร เข้าออกได้กี่ประเทศ เงื่อนไขเป็นอย่างไร ขั้นตอนไหนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ มีอะไรที่เราต้องรู้ ก่อนที่เราจะสามารถเดินทางเข้าเยี่ยมเยือนบางประเทศ (27 ประเทศ) ในทวีปยุโรปได้นั้น เราจำเป็นต้องทำเรื่องขอวีซ่าเชงเก้น หรือ Schengen Visa กันเสียก่อน ซึ่งการขอวีซ่าเชงเก้น เพื่อให้ได้รับการอนุญาติเข้าท่องเที่ยว หรือพำนักในยุโรปนั้น จะมีความละเอียด ขั้นตอนที่ซับซ้อน และเงื่อนไขมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวกลัวว่า จะทำวีซ่าเชงเก้นไม่ผ่าน  

ข้อควรพิจารณาก่อนยื่นวีซ่าเชงเก้น

หนึ่งในข้อควรพิจารณาที่สำคัญที่สุดก่อนการยืนวีซ่าเชงเก้นนั่นคือ ระยะเวลายืนวีซ่าเชงเก้นก่อนการเดินทาง ซึ่งสำหรับวีซ่าเชงเก้นแล้ว ผู้เดินทางจะต้องทำการยื่นวีซ่าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการพิจารณาเอกสารของคุณอย่างน้อย 7 – 15 วันทำการ แล้วแต่ประเภทของวีซ่า และ ประเทศที่ต้องการขอยื่นวีซ่าเชงเก้น อย่างไรก็ตาม ผู้ยื่นวีซ่าต้องทำการจองคิวเพื่อเดินทางไปยื่นเอกสาร ซึ่งคิวสำหรับการยื่นวีซ่านั้น จะว่างหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการเดินทาง ดังนั้นเพื่อเป็นการเผื่อเวลาในการจองคิว และ การพิจารณาเอกสารของเจ้าหน้าที่ ผู้เดินทางควรเริ่มทำวีซ่าแต่เนิ่นๆ อย่างน้อย 1 เดือนนั่นเอง

วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) คืออะไร จะไปเที่ยวยุโรปต้องใช้ไหม

วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) นั้นเป็นใบอนุญาติ หรือใบเบิกทางสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ไม่ได้ถือสัญชาติใดสัญชาติหนึ่งในกลุ่มประเทศสมาชิกเชงเก้น ให้สามารถทำการท่องเที่ยว หรือ พำนักในประเทศสมาชิกเชงเก้นได้ไม่เกิน 90 วัน (ภายใน 180 วัน) นอกจากนี้ ภายในระยะเวลา 90 วันนี่เอง ผู้ถือวีซ่าเชงเก้นยังสามารถเดินทางเข้า – ออกทั้ง 27 ประเทศผู้เป็นสมาชิกเชงเก้นได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องขอวีซ่าของประเทศนั้นๆ อีกด้วย

โดยวัตถุประสงค์หลักในการก่อตั้งวีซ่าเชงเก้นขึ้นมานั้น เพื่อทำให้ขั้นตอนการขอวีซ่าเข้าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปนั้น มีประสิทธิภาพ และ มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จึงได้มาเป็น ‘วีซ่าเชงเก้น’ หรือกล่าวคือ วีซ่าที่เกิดจากการทำข้อตกลงร่วมกันของประเทศในสหภาพยุโรป 23 ประเทศ และ ประเทศนอกสหภาพยุโรปอีก 4 ประเทศ ในการอนุญาติให้ผลเมืองประเทศสมาชิกสามารถเดินทางข้ามพรมแดนประเทศสมาชิกเชงเก้นได้อย่างเสรี (Schengen Visa Agreement) และ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าออกประเทศสมาชิกเชงเก้นได้ หากเป็นผู้ถือวีซ่าเชงเก้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อัปเดตล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา พลเมืองเชงเก้นที่มีความประสงค์เดินทางเข้า-ออกประเทศกลุ่มสมาชิก แม้จะไม่ต้องขอวีซ่า แต่จำเป็นต้องยื่นเอกสาร ETIAS Stamp (European Travel Information and Authorization System) เพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัย และ ง่ายต่อการจัดการของทางกงศุล โดยสามารถกรอกแบบฟอร์ม เพื่อรับเอกสาร ETIAS ได้ที่เว็บไซต์ Etias.com

อัปเดตล่าสุด วีซ่าเชงเก้น มีประเทศอะไรบ้าง ?

วีซ่าเชงเก้นมีประเทศอะไรบ้าง และ มีกี่ประเทศ จากข้อมูลอัปเดตวีซ่าเชงเก้น 2022 – 2023 ประเทศที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องทำการยื่นวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) มีด้วยกันทั้งหมด 27 ประเทศ ได้แก่

1. เบลเยี่ยม (Belgium)

2. เช็ก (Czech)

3. เดนมาร์ก (Denmark)

4. เอสโตเนีย (Estonia)

5. ฟินแลนด์ (Finland)

6. ฝรั่งเศส (France)

7. เยอรมนี (Germany)

8. กรีซ (Greece)

9. ฮังการี (Hungary)

10. ไอซ์แลนด์ (Iceland)

11. อิตาลี (Italy)

12. ลัตเวีย (Latvia)

13. ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein)

14. ลิทัวเนีย (Lithuania)

15. ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg)

16. มอลตา (Malta)

17. เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)

18.นอร์เวย์ (Norway)

19. โปแลนด์ (Poland)

20. โปรตุเกส (Portugal)

21. สโลวาเกีย (Slovakia)

22. สโลวีเนีย (Slovenia)

23. สเปน (Spain)

24. สวีเดน (Sweden)

25. สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

26. ออสเตรีย (Austria)

27. โครเอเซีย (Croatia)

จากเดิม 26 ประเทศ โดยมีประเทศโครเอเชีย เพิ่มเข้ามาเพิ่มเติม เป็น 27 ประเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2022 ที่ผ่านมา โดยใน 27 ประเทศนี้ มี 4 ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป แต่ต้องใช้ Schengen Visa ในการเดินทางซึ่งได้แก่ ประเทศไอซ์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, นอร์เวย์ และ สวิตเซอร์แลนด์

วีซ่าเชงเก้นมีกี่ประเภท จะไปเที่ยวต้องยื่นประเภทอะไร

สำหรับการท่องเที่ยว นักเดินทางส่วนใหญ่จะเลือกยืนวีซ่าเชงเก้นแบบพำนักระยะสั้น และเป็นวีซ่าในรูปแบบ Multiple Entry ซึ่งจะให้สิทธิผู้เดินทางในการเดินทางเข้า – ออกประเทศสมาชิกเชงเก้นได้ภายใน 90 วัน หลายครั้ง จนกว่าวีซ่าเชงเก้นจะหมดอายุ  อย่างไรก็ตาม วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) สามารถแบ่งประเภทออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

1. วีซ่าเชงเก้นประเภท A 

โดยวีซ่าเชงเก้นประเภทนี้ คือ วีซ่าสำหรับแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเครื่องบินซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องทำการเปลี่ยนเครื่อง (Stop Over) ที่สนามบิน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประเทศสมาชิกเชงเก้น

2. วีซ่าเชงเก้นประเภท B

วีซ่าเชงเก้นประเภท B เป็นวีซ่าทรานซิท สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ แต่ต้องผ่าน หรือ แวะ ประเทศในเขตเชงเก้นก่อนเพื่อเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ 

3. วีซ่าเชงเก้นประเภท C

วีซ่าเชงเก้นประเภทนี้ มีชื่อเรียกว่า “วีซ่าเชงเก้นแบบพำนักระยะสั้น” ซึ่งเป็นประเภทวีซ่าที่นักท่องเที่ยวนิยมขอ โดยวัตถุประสงค์ขอบงวีซ่านี่ คือ การเดินทางไปทำธุรกิจ หรือ ท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศสมาชิกเชงเก้นระยะสั้น ไม่เกิน 90 วัน ภายใน 180 วัน (ในช่วงเวลา 6 เดือน) โดยวีซ่าเชงเก้นประเภทพำนักระยะสั้นนี้ สามารถแบ่งออกตามลักษณะการเดินทางเข้าออกประเทศได้เป็น 

  • วีซ่าพำนักระยะสั้นแบบ Single Entry 
  • วีซ่าพำนักระยะสั้นแบบ Double Entry
  • วีซ่าพำนักระยะสั้นแบบ Multiple Entry 

นอกจากนี้ ประเภทวีซ่าเชงเก้นแบบพำนักระยะสั้น ยังสามารถแบ่งออกตามลักษณะการเดินทางได้อีกเป็น 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภท ต่างมีรายละเอียดเอกสาร และ หลักฐานที่ต้องเตรียมแตกต่างกันออกไป โดย 3 ประเภทได้แก่ 

  • วีซ่าพำนักระยะสั้นแบบท่องเที่ยว (Tourist) 
  • วีซ่าพำนักระยะสั้นแบบเยี่ยมเยือน (Visitor) 
  • วีซ่าพำนักระยะสั้นแบบธุรกิจ (Business)

4. วีซ่าเชงเก้นประเภท D

วีซ่าเชงเก้นประเภทนี้ เป็นวีซ่าสำหรับผู้เดินทางที่มีความประสงค์ในการพำนักที่ประเทศนั้นๆ เป็นระยะเวลามากกว่า 90 วัน เช่น เพื่อการเรียนต่อ หรือ การติดต่อธุรกิจ เป็นต้น 

ส่วนอื่น ๆ นั้นจะเป็นประเภท วีซ่าเข้ามารักษาพยาบาล วีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยราชการ วีซ่าแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและกีฬา วีซ่าเยี่ยมเยือนครอบครัวหรือเพื่อน เป็นต้น

สรุปขั้นตอนยื่นวีซ่าเชงเก้น พร้อมเอกสารที่จำเป็น

ขั้นตอนในการยื่นวีซ่าเชงเก้น ของทั้ง 27 ประเทศผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกเชงเก้นนั้น จะมีความคล้ายคลึงกัน โดยจะแตกต่างกันที่การกรอกเอกสาร, สถานที่ยื่นวีซ่า และ ระยะเวลาที่ทางสถานทูตใช้ในการพิจารณา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลาในการพิจารณาวีซ่าเชงเก้นนั้น จะอยู่ที่ 15 วันทำการ ซึ่งผู้เดินทางสามารถขอวีซ่าเชงเก้นล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน โดยมีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: จัดเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าเชงเก้น

เอกสารการยื่นวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เจ้ากหน้าที่สถานทูตของทุกประเทศใช้ในการตัดสินความพร้อมของคุณในการท่องเที่ยว หนือ พำนักในประเทศนั้นๆ โดยเอกสารฉบับอัปเดตการขอวีซ่าเชงเก้น 2022 – 2023 มีดังนี้ 

  • แบบฟอร์มยื่นเรื่องขอวีซ่าเชงเก้นของแต่ละประเทศ 

การยื่นขอวีซ่าเชงเก้นของแต่ละเทศ จะมีแบบฟอร์มเฉพาะของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันไป โดยผู้เดินทางจะต้องทำการกรอกแบบฟอร์มวีซ่าเชงเก้นสำหรับเดินทางไปประเทศนั้นๆ ที่เว็บไซต์ของสถานทูต หรือ บนเว็บไซต์ของศูนย์รับคำร้องที่ได้รับมอบหมายจากสถานทูตอย่างเป็นทางการ เช่น ศูนย์รับคำร้อง VFS และ ศูนย์รับคำร้อง TLS เป็นต้น

  • หนังสือเดินทาง (Passport) 

ให้นักท่องเที่ยวเตรียมหนังสือเดินทางทั้งเล่มเก่า และ เล่มปัจจุบันมาในวันยื่นเอกสาร โดยเล่มปัจจุบัน จะต้องมีหน้าเหลืออย่างน้อย 2 หน้า อบะ มีอายุเหลือมากกว่า 3 เดือน ขึ้นไป นอกจากนี้ ให้คุณนำสำเนาหนังสือเดินทางของหน้าที่แสดงรูปถ่าย และ ข้อมูลส่วนตัวมาด้วย 2 ชุด

  • หลักฐานทางการเงิน

สำหรับผู้ที่ต้องการขอวีซ่าเชงเก้นไม่ว่าจะสำหรับเดินทางไปประเทศไหนก็ตาม จะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินได้แก่ รายการเดินบัญชี (Bank Satement) ย้อนหลัง ไม่น้อยกว่า 6 เดือน และ ใบรับรองทางการเงิน (Bank Certification) ที่ออกโดยธนาคาร และ มีลายเซ็นของทางธนาคารด้วยเช่นกัน

  • ใบรับรองการทำงาน หรือใบรับรองการเป็นนักศึกษา

หากคุณเป็นพนักงาน คุณจะต้องแสดงใบรับรองการทำงานที่ออกโดยบริษัท และระบุตำแหน่งงาน เงินเดือน รวมถึงช่วงเวลาที่ทางบริษัทอนุมัติให้ลาตั้งแต่วันเริ่มเดินทางจนถึงวันกลับ ในทางตรงกันข้าม หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณจะต้องนำใบประกอบกิจการมาด้วย สำหรับนักเรียน หรือ นักศึกษา จะต้องนำใบรับรองการศึกษาที่ออกโดยสถานศึกษามา เพื่อแสดงสถานภาพความเป็นนักเรีบนที่ประเทศไทยนั่นเอง 

  • หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก

ในการขอวีซ่าเชงเก้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้เดินทางเอง ทางสถานทูตจะขอดูหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งต้องระบุสายการบิน เที่ยวบินขาไป และ ขากลับ พร้อมกับหลักฐานการจองที่พักตลอดระยะเวลาที่พำนักในประเทศเชงเก้นด้วยเช่นกัน (คุณสามารถเลือกจองกับโรงแรมที่สามารถแคนเซิล Booking ได้ ในกรณีหากมีความต้องการเปลี่ยนแผนการเดินทางหลักจากขอวีซ่าเชงเก้นผ่านเรียบร้อย)

  • แผนการเดินทาง

แผนการเดินทางดังกล่าว จะต้องแสดงถึงข้อมูลการเดินทางแบบกระชับได้ใจความ ซึ่งเจ้าหน้าสถานทูตจะต้องอ่านแล้วเข้าใจถึงการเดินทางของเราในประเทศนั้นๆ รวมทั้งข้อมูลระบบขนส่งสาธารณะที่เราวางแผนจะใช้ในการท่องเที่ยวเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  

  • รูปถ่ายวีซ่า

รูปถ่ายวีซ่าเชงเก้น เพื่อวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว ควรเป็นรูปถ่ายสี หน้าตรง เปิดหน้าผาก และ ใบหู โดยมีพื้นหลังเป็นสีขาว หรือ สีอ่อน และต้องมีขนาดอยู่ที่ 3.5 ซม x 4.5 ซม 

  • กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทาง

การทำวีซ่าเชงเก้นเพื่อการท่องเที่ยว ผู้เดินทางจะต้องทำประกันการเดินทางกับบริษัทที่ได้รับการรับรองจากทางสถานทูตของประเทศนั้นๆ ซึ่งประกันดังกล่าวต้องมีวงเงินครอบคลุมไม่น้อยกว่า 1,500,000 บาท หรือ ประมาณ 30,000 ยูโร นั่นเอง

  • เอกสารส่วนตัวอื่นๆ

นอกจากเอกสารสำคัญที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ผู้เดินทางต้องเตรียมเอกสารส่วนตัว พร้อมกับสำเนา ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชาชน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า และ สนูติบัตรสำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี

  • ค่าธรรมเนียม

ในวันที่ยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าเชงเก้น (Shengen Visa) กับทางสถานทูต หรือ กับทางศูนย์ยื่นวีซ่า นอกจากเอกสารต่างๆ ที่ต้องเตรียมให้ครบถ้วนแล้ว ผู้ยื่นวีซ่าเชงเก้นจะต้องเตรียมค่าธรรมเนียม ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 80 ยูโร หรือ ที่ประมาณ 2,500 – 3,000 บาท  (สำหรับเด็กจะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 40 ยูโร)

วีซ่าเชงเก้นแบบเยี่ยมเยือน และ ต้องไปพำนักกับญาติ, พี่น้อง, เพื่อน หรือ แฟน จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมดังนี้

ขั้นตอนที่ 2: ทำการนัดหมายเพื่อยื่นวีซ่าเชงเก้น

ขั้นตอนการนัดหมายเพื่อยื่นเอกสารนั้น ผู้เดินทางจะต้องทำการเช็คว่าวีซ่าเชงเก้นเพื่อเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ จะต้องทำการนัดหมายผ่านเว็บไซต์อะไร ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการขอวีซ่าเชงเก้น ผู้เดินทางจะต้องทำการนัดหมายที่เว็บไซต์ของศูนย์ยื่นวีซ่าที่ทางสถานทูตประเทศนั้นๆ ได้มอบหมายให้ดูแล

ในขั้นตอนนี้ ผู้เดินทางจะต้องสร้างบัญชีกับทางเว็บไซต์ให้เรียบร้อย จากนั้นยืนยันบัญชีผู้ใช้ทางอีเมล และ ทำการนัดหมายให้เรียบร้อย โดยคุณจะต้องปริ้นท์ใบนัดหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อใช้ประกอบเอกสารยื่นวีซ่าเชงเก้นในวันนัดหมายเช่นกัน 

ขั้นตอนที่ 3: เดินทางไปยื่นเอกสารขอวีซ่าเชงเก้นกับศูนย์ยื่นของประเทศนั้นๆ

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องเตรียมใบนัดหมาย และ เอกสารที่จำเป็น มายื่นกับทางศูนย์รับยื่นวีซ่าเชงเก้นของประเทศนั้นๆ ซึ่งได้แก่ ศูนย์ VFS และ ศูนย์ TLS 

  • 1. ศูนย์รับยื่น Schengen Visa – VFS:  

ที่อยู่: อาคารเทรนดี้ ซอย. สุขุมวิท 13

สำหรับประเทศ:  เบลเยี่ยม, สหราชอาณาจักร, เดนมาร์ก, ไอซ์แลนด์, ฟินแลนด์, เอสโตเนีย, เลบานอน, นอร์เวย์, สวีเดน, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, และ แคนาดา

ที่อยู่: ที่จามจุรี สแควร์

สำหรับประเทศ: ออสเตรีย, โครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก, เยอรมนี, อิตาลี, ยูเครน, สวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์

  • 2. ศูนย์รับยื่น Schengen Visa – TLS:  

ที่อยู่: ตึกสาธร ซิตี้ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนน สาทรใต้ 

สำหรับประเทศ: ฝรั่งเศส และ โปรตุเกส 

  • 3. ศูนย์รับยื่น Schengen Visa – BLS International:  

ที่อยู่: อาคาร อินเตอร์เชนจ์ 21 399 ถนนสุขุมวิท 

สำหรับประเทศ: สเปน

ขั้นตอนที่ 4: การพิจารณาเอกสาร และ เช็คสถานะวีซ่าเชงเก้น

หลังจากที่เราได้ทำการยื่นเอกสารกับทางศูนย์ยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ทางศูนย์จะทำการส่งเอกสารของเราไปยังสถานทูตของประเทศนั้นๆ โดยสถานทูตจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 15 วันทำการ 

ซึ่งหลังจากที่ทางสถานทูตพิจารณาเอกสารเสร็จสิ้น หนังสือเดินทาง (Passport) ของคุณจะถูกส่งกลับมาที่ศูนย์ยื่นวีซ่า ซึ่งทางศูนย์จะแจ้งให้คุณเดินทางมารับหนังสือเดินทางที่ศูนย์ ในกรณีที่คุณจะเดินทางมารับหนังสือเดินทางเอง หรือ หากคุณเลือกเป็นส่งไปรษณีย์แทน ทางศูนย์ยื่นจะให้คุณกรอกที่อยู่เพื่อส่งคืนหนังสือเดินทางในวันที่คุณเดินทางไปยื่นเอกสารกับทางศูนย์ (ในขั้นตอนที่ 3)

วีซ่าเชงเก้นคือความสะดวกสบายที่จะให้คุณเข้าออกประเทศในเขตเชงเก้นได้ถึง 27 ประเทศ แต่การยื่นเรื่องแต่ละครั้งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ขั้นตอน เอกสาร และต้องมีเวลามากพอสำหรับดำเนินการ การใช้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ก็ย่อมที่จะมีความสะดวกมากกว่า Doctor Visa พร้อมให้บริการยื่นวีซ่าเชงเก้น เพื่อเปิดโลกของคุณสู่ประเทศแถบยุโรปได้อย่างมั่นใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *